วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การวัดปริมาณน้ำฝน


ปริมาณน้ำฝน หมายถึง ระดับความลึกของน้ำฝนในภาชนะที่รองรับน้ำฝน ทั้งนี้ภาชนะที่รองรับน้ำฝนจะต้องตั้งอยู่ในแนวระดับ และวัดในช่วงเวลาที่กำหนด หน่วยที่ใช้วัดปริมาณน้ำฝนนิยมใช้ในหน่วยของมิลลิเมตร
การวัดปริมาณน้ำฝนจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน (rain gauge)" ซึ่งจะตั้งไว้กลางแจ้งเพื่อรับน้ำฝนที่ตกลงมา มีหลายแบบ"

ปริมาณน้ำฝนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสิ่งหนึ่งในอุตุนิยมวิทยา เพราะฝนเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกสิกรรมและอื่น ๆ การวัดปริมาณน้ำฝนใช้วัดความสูงของจำนวนฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าโดยให้น้ำฝนตกลงในภาชนะโลหะ ซึ่งส่วนมากทำเป็นรูปทรงกระบอก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒๐ เซนติเมตร ฝนจะตกผ่านปากกระบอกลงไปตามท่อกรวยสู่ภาชนะรองรับน้ำฝนไว้ เมื่อต้องการทราบปริมาณน้ำฝน ใช้แก้วตวงที่มีมาตราส่วนแบ่งไว้สำหรับอ่านปริมาณน้ำฝนเป็นมิลลิเมตรหรือเป็นนิ้ว

ในการรายงานปริมาณน้ำฝนนั้น จะรายงานว่าฝนตกเล็กน้อยฝนตกปานกลาง ฝนตกหนัก หรือฝนตกหนักมาก แต่การที่จะตั้งเกณฑ์สากลไม่อาจทำได้ เพราะสภาพของฝนในแต่ละประเทศมีปริมาณไม่เหมือนกัน เฉพาะประเทศไทย ใช้รายงานเป็นจำนวนมิลลิเมตร (มม.) ต่อ ๒๔ ชั่วโมง โดยมีหลักเกณฑ์ในการรายงานดังนี้

ปริมาณฝนต่อ ๒๔ ชั่วโมง
ฝนตกเล็กน้อย ๐.๑-๑๐.๐ มม.
ฝนตกปานกลาง ๑๐.๑-๓๕.๐ มม.
ฝนตกหนัก ๓๕.๑-๙๐.๐ มม.
ฝนตกหนักมาก ๙๐.๑ มม. ขึ้นไป

ถ้ามีฝนน้อยกว่า ๐.๑ มม. จะรายงานว่า “มีฝนตกเล็กน้อยวัดปริมาณไม่ได้”

สำหรับมาตรวัดฝนแบบไทย ๆ ที่เรียกว่า 'ห่าฝน' นั้น ใช้บาตรตั้งไว้กลางแจ้ง ถ้าได้น้ำเต็มบาตรก็เรียกว่า ฝนตกห่าหนึ่ง

 การเปรียบเทียบหน่วยปริมาตร 
  หน่วยปริมาตรที่นิยมและใช้กันมาก คือ หน่วยการตวงในมาตราเมตริก
มาตราเมตริก  มีหน่วยความยาวเป็น มิลลิเมตร เซนติเมตร เมตร และ กิโลเมตร
1 มิลลิเมตร = 1 เซนติเมตร
1     เมตร =     100 เซนติเมตร
       1     กิโลเมตร =     1,000   เมตร
                       เมื่อเทียบกับหน่วยปริมาตร
1     ลิตร =   1,000   ลูกบาศก์เซนติเมตร
1     มิลลิลิตร =     1 ลูกบาศก์เซนติเมตร
1     ลูกบาศก์เมตร =   1,000   ลิตร
                       หน่วยการตวงในมาตราไทย มีดังนี้
       1     ถัง =     20     ลิตร
       1     เกวียน =   100   ถัง
1     เกวียน =   2     ลูกบาศก์เมตร